วิตามินอี (Vitamin E): ประโยชน์ต่อโรคกลุ่ม NCDs
วิตามินอีเป็นสารอาหารสำคัญที่ละลายในไขมัน มีบทบาทสำคัญในร่างกายหลายด้าน โดยเฉพาะการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรซึ่งสามารถทำลายเซลล์ในร่างกายได้ ความเสียหายจากอนุมูลอิสระเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่โรคเรื้อรังหลายชนิด รวมถึงโรค NCDs (Non-Communicable Diseases) เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง
วิตามินอีสามารถช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระเหล่านี้ได้ โดยการจับและทำให้เป็นกลาง จึงป้องกันไม่ให้เซลล์ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ วิตามินอีอาจมีบทบาทในการซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายแล้วได้ด้วย
การวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าการได้รับวิตามินอีในปริมาณที่เพียงพออาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคกลุ่ม NCDs ได้ ตัวอย่างเช่น การศึกษาหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินอีเสริมมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจลดลง 24% ในขณะที่อีกการศึกษาหนึ่งพบว่าผู้ชายที่รับประทานวิตามินอีเสริมมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองลดลง 10%
นอกจากนี้ วิตามินอีอาจมีประโยชน์ต่อโรคกลุ่ม NCDs อื่นๆ เช่น
- โรคเบาหวาน: วิตามินอีอาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน เช่น โรคหัวใจ โรคไต และความผิดปกติของดวงตา
- โรคมะเร็ง: วิตามินอีอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ในบางกรณี
ปริมาณวิตามินอีที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่คือ 15 มิลลิกรัม แหล่งอาหารที่ดีของวิตามินอี ได้แก่ น้ำมันพืช ถั่ว เมล็ดธัญพืช และผักใบเขียวเข้ม อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถรับประทานวิตามินอีในปริมาณที่เพียงพอจากอาหารได้ อาจจำเป็นต้องรับประทานวิตามินอีเสริม
ลองกินแล้ว ไม่รู้จะได้ผลจริงหรือเปล่านะ
ใครเขียนเนี่ย เขียนได้แย่มากๆ
โอ้โห อ่านแล้วงงจังเลย
วิตามินอีมันดีจังเลย
อ่านแล้วไม่เข้าใจเลย ต้องให้หมอแปลให้
แล้วคนแก่กินได้ไหม
ต้องกินเท่านี้นะ ถึงจะได้ผล
วิตามินอี นี่มันดีจริง