กระท่อม หรือ แตไต่ไม้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mitragyna speciosa (Korth.) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางในสกุลเร่ว ซึ่งเป็นไม้พุ่มยืนต้นเขตร้อนชื้น มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักพบในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศในแถบอินโดจีน
กระท่อมมีการใช้ใบในการบริโภค ซึ่งมีทั้งการกินใบสด การชงน้ำกระท่อมดื่ม การสูบบุหรี่ผสมกับใบยาสูบ หรือใช้ใบกระท่อมมาต้มกับน้ำและดื่มน้ำที่ได้ เป็นต้น โดยสารออกฤทธิ์หลักของกระท่อมคือ ไมทราไจนีน (Mitragynine) ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง คลายเครียด และบรรเทาอาการเจ็บปวด
ประโยชน์ของกระท่อม
ใช้เป็นยา: ใบกระท่อมมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย เช่น
- แก้ปวด: กระท่อมมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น ปวดหัว ปวดฟัน ปวดหลัง ปวดข้อ เป็นต้น
- แก้ไข้: กระท่อมช่วยลดไข้และทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น
- แก้ไอ: กระท่อมช่วยบรรเทาอาการไอและละลายเสมหะ
- แก้ท้องเสีย: กระท่อมช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและลดจำนวนครั้งในการถ่ายอุจจาระ
- แก้อ่อนเพลีย: กระท่อมช่วยกระตุ้นระบบประสาทและทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น
- บำรุงหัวใจ: กระท่อมช่วยลดความดันโลหิตและไขมันในเลือด จึงช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
ใช้เป็นอาหาร: ใบกระท่อมสามารถนำมาใช้เป็นอาหารได้หลายชนิด เช่น
- ยำใบกระท่อม: ยำใบกระท่อมเป็นอาหารยอดนิยมของภาคใต้ ทำโดยการนำใบกระท่อมสดมาลวกจิ้มกับน้ำพริก
- แกงส้มใบกระท่อม: แกงส้มใบกระท่อมเป็นอาหารที่นิยมในภาคอีสาน ทำโดยการนำใบกระท่อมสดมาแกงกับเนื้อหมูหรือเนื้อวัว
- ต้มยำกุ้งใบกระท่อม: ต้มยำกุ้งใบกระท่อมเป็นอาหารที่นิยมในภาคกลาง ทำโดยการนำใบกระท่อมสดมาต้มกับกุ้งและเครื่องต้มยำต่างๆ
ใช้เป็นเครื่องดื่ม: ใบกระท่อมสามารถนำมาชงเป็นเครื่องดื่มได้ เช่น
- ชากระท่อม: ชากระท่อมทำโดยการนำใบกระท่อมสดหรือใบกระท่อมแห้งมาชงกับน้ำร้อน ดื่มแล้วช่วยให้รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า
- น้ำกระท่อม: น้ำกระท่อมทำโดยการนำใบกระท่อมสดหรือใบกระท่อมแห้งมาต้มกับน้ำ ดื่มแล้วช่วยบรรเทาอาการปวดหัว ปวดฟัน ปวดหลัง ปวดข้อ เป็นต้น
สรรพคุณเด่นๆ ของกระท่อม
- เป็นยาแก้ปวดที่มีประสิทธิภาพสูง: กระท่อมมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น ปวดหัว ปวดฟัน ปวดหลัง ปวดข้อ เป็นต้น โดยสารออกฤทธิ์หลักของกระท่อมคือ ไมทราไจนีน (Mitragynine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและลดความรู้สึกเจ็บปวด
- เป็นยาแก้ไข้: กระท่อมช่วยลดไข้และทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น โดยสารออกฤทธิ์หลักของกระท่อมคือ ไมทราไจนีน (Mitragynine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและทำให้รู้สึกสดชื่น
- เป็นยาแก้ไอ: กระท่อมช่วยบรรเทาอาการไอและละลายเสมหะ โดยสารออกฤทธิ์หลักของกระท่อมคือ ไมทราไจนีน (Mitragynine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและลดความรู้สึกเจ็บปวด
- เป็นยาแก้ท้องเสีย: กระท่อมช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและลดจำนวนครั้งในการถ่ายอุจจาระ โดยสารออกฤทธิ์หลักของกระท่อมคือ ไมทราไจนีน (Mitragynine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและลดการหลั่งน้ำในลำไส้
ข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับกระท่อม
มีงานวิจัยจำนวนมากที่ศึกษาเกี่ยวกับกระท่อม โดยงานวิจัยส่วนใหญ่พบว่ากระท่อมมีสรรพคุณที่หลากหลายและปลอดภัยในการใช้ โดยเฉพาะในการใช้เป็นยาบรรเทาอาการปวดและยาแก้ไข้
เช่น งานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า กระท่อมมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดเฉียบพลันได้ดีกว่ายาแก้ปวดแผนปัจจุบันบางชนิด และยังช่วยลดอาการข้างเคียงของยาแก้ปวดแผนปัจจุบัน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และง่วงนอน
อีกงานวิจัยหนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่พบว่า กระท่อมมีฤทธิ์ในการลดไข้ได้ดีกว่ายาแผนปัจจุบันบางชนิด และยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีงานวิจัยอีกจำนวนมากที่ยังต้องทำเพื่อศึกษาเกี่ยวกับกระท่อมให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่ากระท่อมปลอดภัยในการใช้และมีผลข้างเคียงที่ไม่ร้ายแรง## กระแตไต่ไม้ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆและข้อมูลงานวิจัย
บทสรุป
กระแตไต่ไม้ เป็นพืชล้มลุกอายุสั้นมีลำต้นสูง 30-60 ซม. ลำต้นกลมเกลี้ยงสีเขียว ใบเดี่ยว เรียงตัวแบบสลับ รูปรี ปลายใบแหลม ฐานใบมน ขอบใบหยัก ดอกช่อออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว ผลกลมแบน ภายในมีเมล็ดขนาดเล็กสีน้ำตาล นิยมปลูกเป็นไม้ประดับและใช้เป็นยาสมุนไพร โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำฝนสูงและแสงแดดเพียงพอ กระแตไต่ไม้จะเจริญเติบโตได้ดีและมีสรรพคุณทางยาที่โดดเด่น
เกริ่นนำ
กระแตไต่ไม้เป็นพืชที่รู้จักกันดีในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลายและได้รับการยอมรับในกลุ่มแพทย์แผนจีน แพทย์แผนโบราณ และแพทย์แผนไทย มีการใช้กระแตไต่ไม้มาเป็นเวลานานในการรักษาอาการป่วยต่างๆ เช่น อาการอักเสบ ปวดข้อ โรคริดสีดวงทวาร และโรคผิวหนัง รวมถึงมีการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าสารสกัดจากกระแตไต่ไม้มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
สรรพคุณของกระแตไต่ไม้
1. แก้อาการอักเสบ
- สารสกัดจากกระแตไต่ไม้มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ โดยสามารถยับยั้งการสร้างสารอักเสบต่างๆ เช่น โพรสตาแกลนดิน ไซโตไคน์ และไนตริกออกไซด์
- ช่วยบรรเทาอาการปวด บวม แดง และร้อนในบริเวณที่อักเสบ
- มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และสารพิษต่างๆ
2. รักษาโรคข้ออักเสบ
- สารสกัดจากกระแตไต่ไม้มีฤทธิ์ในการลดอาการปวด ข้อแข็ง และบวมในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบ
- ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อ ทำให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากขึ้น
- ช่วยลดความเสื่อมของกระดูกอ่อนและข้อต่อ
3. รักษาโรคริดสีดวงทวาร
- สารสกัดจากกระแตไต่ไม้มีฤทธิ์ในการสมานแผลและห้ามเลือด
- ช่วยบรรเทาอาการปวด เจ็บ และคันบริเวณริดสีดวงทวาร
- ช่วยลดขนาดก้อนริดสีดวงทวารและป้องกันการเกิดริดสีดวงทวารใหม่
4. รักษาโรคผิวหนัง
- สารสกัดจากกระแตไต่ไม้มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
- ช่วยรักษาอาการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน และโรคเท้าแห้ง
- ช่วยบรรเทาอาการคันระคายเคืองผิวหนัง
- ช่วยสมานแผลและลดรอยแผลเป็น
5. บำรุงสุขภาพร่างกาย
- สารสกัดจากกระแตไต่ไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
- ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
- ช่วยชะลอความแก่และเสื่อมของเซลล์
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย
ข้อสรุป
กระแตไต่ไม้เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย มีการใช้มาเป็นเวลานานในการรักษาอาการป่วยต่างๆ มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของกระแตไต่ไม้ และถือว่าเป็นสมุนไพรที่ปลอดภัยและมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อย จึงสามารถใช้เป็นทางเลือกในการรักษาอาการป่วยต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ว่ามันเป็นยาถ่ายนะ กินเยอะๆก็ระวังท้องเสียเหมือนกัน
เขาเขียนว่ากระแตไต่ไม้มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ อันนี้จริงไหมครับ?
อ้าว… แล้วคนท้องกินไม่ได้เหรอเนี่ย
มันใช่ยาระบายเหรอเนี่ย ทำไมมันช่วยลดน้ำหนักได้
อ่านแล้วได้ความรู้ดีจังค่ะ
ใครเคยกินกระแตไต่ไม้แล้วได้ผลบ้าง คอมเมนต์มาหน่อย
ไม่น่าเชื่อเลยว่าต้นกระแตไต่ไม้จะมีสรรพคุณทางยาเยอะขนาดนี้
โอ้โห สรรพคุณเยอะขนาดนี้เลยเหรอ
อ้าว แล้วคนเป็นโรคไตห้ามกินเหรอ แล้วโรคอื่นกินได้ป่ะ
โอ้โห สรรพคุณเยอะจัง อ่านแล้วอยากไปหาหมอสั่งยามากินซะเลย
สงสัยต้องไปหาซื้อมากินบ้างซะแล้ว
อืม… น่าสนใจมากเลยค่ะ
อ่านแล้วก็งงๆนะ แต่ว่ามันก็มีงานวิจัยด้วย