ความดันโลหิตสูง โรค NCDs ร้ายที่คนไทยต้องเฝ้าระวัง
ความดันโลหิตสูง เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากความดันในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติ โดยทั่วไปแพทย์จะวินิจฉัยความดันโลหิตสูงต่อเมื่อมีความดันโลหิตซิสโตลิก (แรงดันในหลอดเลือดขณะหัวใจบีบตัว) สูงกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท และ/หรือความดันโลหิตไดแอสโตลิก (แรงดันในหลอดเลือดขณะหัวใจคลายตัว) สูงกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท
ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือดหลายชนิด เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตวาย นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างร้ายแรง เช่น หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง เส้นเลือดในสมองแตก และหัวใจวายได้อีกด้วย
สาเหตุที่แท้จริงของความดันโลหิตสูงนั้นไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมหลายอย่าง เช่น อายุ เพศ เชื้อชาติ และไลฟ์สไตล์ อาจมีส่วนทำให้เกิดภาวะนี้ได้ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น, การสูบบุหรี่, การบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง, การขาดการออกกำลังกาย, การเป็นโรคอ้วน, และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
การรักษาความดันโลหิตสูงมุ่งเน้นไปที่การลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ก่อน เช่น การลดน้ำหนัก การออกกำลังกายเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำ และการหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หากการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ไม่เพียงพอ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาเพื่อลดความดันโลหิต
การป้องกันความดันโลหิตสูงทำได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยง เช่น การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำ การออกกำลังกายเป็นประจำ การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ
บทความดีๆ แบบนี้แหละที่คนไทยต้องการ
น่าสนใจมากเลยครับ อยากอ่านงานวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคนี้จัง
บทความเขียนดีมากเลยครับ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายเลย
น่ากลัวจังเลยค่ะ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าโรคนี้มันร้ายแรงขนาดนี้
บทความนี้เขียนได้ดีมาก ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
ทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ ต้องใส่ใจดูแลสุขภาพกันด้วย
โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่สำคัญมากและต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษสำหรับคนไทย เพราะเป็นหนึ่งในโรค NCDs ที่พบบ่อยที่สุด
โอ้โห ไม่คิดเลยว่าโรคความดันโลหิตสูงจะน่ากลัวขนาดนี้