ไขมันเกาะตับ ต้องรู้ก่อนรักษา
ไขมันเกาะตับคืออะไร?
ไขมันเกาะตับ เป็นภาวะที่เกิดจากการสะสมของไขมันในเซลล์ตับ โดยทั่วไปแล้วตับมีหน้าที่เผาผลาญไขมัน แต่หากมีภาวะผิดปกติเกิดขึ้น ไขมันจะสะสมอยู่ในตับมากเกินไป จนกลายเป็นไขมันเกาะตับ โดยไขมันที่เกาะในตับอาจจะเป็นคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ หรือฟอสโฟลิพิด ซึ่งในระยะแรกไขมันเกาะตับจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับ แต่หากปล่อยทิ้งไว้นาน ไขมันอาจทำลายเซลล์ตับนำไปสู่ภาวะตับแข็ง มะเร็งตับ หรือตับวายได้
อาการของไขมันเกาะตับ
ไขมันเกาะตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการที่ชัดเจน แต่หากมีอาการส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาการทั่วไป เช่น
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลด
- ปวดท้อง
- คลื่นไส้
- อาเจียน
สาเหตุของไขมันเกาะตับ
ไขมันเกาะตับอาจเกิดจากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคือภาวะอ้วนลงพุง รองลงมาก็คือภาวะเบาหวาน และภาวะไขมันในเลือดสูง นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้อีก เช่น
- การดื่มสุราจัด
- กรรมพันธุ์
- การใช้ยาบางชนิด
- การติดเชื้อ
- โรคทางตับบางชนิด
การรักษาไขมันเกาะตับ
การรักษาไขมันเกาะตับจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิด โดยทั่วไปจะเน้นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อลดการสะสมของไขมันในตับ เช่น
- ลดน้ำหนัก ลดส่วนเกิน
- ควบคุมอาหาร เลือกทานอาหารที่ไม่ทำให้อ้วน
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- งดหรือลดการดื่มสุรา
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ควบคุมระดับไขมันในเลือด
ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์อาจสั่งจ่ายยาหรือแนะนำให้ผ่าตัด
นิ้วโป้งให้เลยค่ะ!! ข้อมูลแน่นมากๆ อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ
คุณคิดว่าการดื่มเหล้าทำให้เกิดไขมันพอกตับหรือไม่?
ห่วยแตก!! อ่านแล้วงงไปหมด ไม่ได้สาระอะไรเลย
ไขมันพอกตับเกิดจากการสะสมของไขมันในเซลล์ตับ โดยปกติแล้วจะมีไขมันประมาณ 5-10% ของน้ำหนักตับ แต่ถ้ามีไขมันเกินกว่า 10% ก็ถือว่าเป็นไขมันพอกตับ
แต่ฉันขี้เกียจออกกำลังกายจังเลย
ฮ่าๆๆๆ ไขมันพอกตับนี่เป็นโรคฮิตของคนยุคใหม่เลยนะเนี่ย
ช่างมันเถอะ ไขมันพอกตับก็ไม่น่ากลัวอะไรหรอก
โอ๊ย!! อ่านแล้วเครียดเลย ฉันชอบกินของมันๆ จัง
โห่ๆๆ ใครๆ ก็รู้ว่าไขมันพอกตับกินอะไรก็อ้วน
การกินอาหารที่มีไขมันสูงเป็นสาเหตุหลักของไขมันพอกตับ แต่การดื่มเหล้าก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับได้เช่นกัน
การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงของไขมันพอกตับได้