ข้าวฟ่าง (Eleusine coracana) เป็นธัญพืชที่มีการเพาะปลูกกันมาอย่างยาวนาน โดยมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริการวมถึงประเทศเอเชียและอินเดีย และในปัจจุบันได้มีการนำข้าวฟ่างมาเพาะปลูกในส่วนต่างๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสาน
ข้าวฟ่างมีสารอาหารสูงมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร วิตามินและเกลือแร่ เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินซี ธาตุเหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส
ประโยชน์ของข้าวฟ่าง
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคมะเร็ง
- มีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย รักษาภาวะท้องผูก ช่วยเพิ่มกากในระบบทางเดินอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่ม ทานอาหารได้น้อยลง ช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก
- มีโปรตีนสูง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
- มีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- มีธาตุเหล็กสูง ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
- มีวิตามินบีสูง ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
สรรพคุณของข้าวฟ่าง
- ช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง
- ช่วยแก้อาการท้องผูก
- ช่วยรักษาโรคบิด
- ช่วยแก้อาการปวดท้อง
- ช่วยลดไข้
- ช่วยแก้ความร้อนในร่างกาย
- ช่วยบรรเทาอาการโรคผิวหนัง เช่น ผื่นคัน กลาก เกลื้อน
- ช่วยรักษาแผล
- ช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรง
- ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ช่วยลดปัญหาผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย
- ช่วยรักษาโรคเบาหวาน
ข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับข้าวฟ่าง
จากการศึกษาพบว่า ข้าวฟ่างมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังพบว่า ข้าวฟ่างมีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย รักษาภาวะท้องผูก ช่วยเพิ่มกากในระบบทางเดินอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่ม ทานอาหารได้น้อยลง ช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก และมีโปรตีนสูง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย นอกจากนี้ยังพบว่า ข้าวฟ่างมีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง และมีธาตุเหล็กสูง ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง นอกจากนี้ยังพบว่า ข้าวฟ่างมีวิตามินบีสูง ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง# ข้าวฟ่าง ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นและข้อมูลงานวิจัย
สรุปประเด็นสำคัญ
ข้าวฟ่าง เป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลากหลายชนิด และยังมีสรรพคุณทางยามากมาย แต่ทั้งนี้ก็ยังมีข้อควรระวังในการรับประทานข้าวฟ่างที่ผู้บริโภคควรทราบก่อนที่จะนำมาบริโภค
บทนำ
ข้าวฟ่าง เป็นธัญพืชที่ปลูกกันมานานกว่า 7,000 ปี โดยมีต้นกำเนิดในทวีปแอฟริกา จากนั้นจึงแพร่ขยายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของโลก ข้าวฟ่างเป็นธัญพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง จึงสามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการปลูกข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียว นอกจากนี้ข้าวฟ่างยังเป็นธัญพืชที่ไม่ต้องใช้สารเคมีในการปลูก จึงถือเป็นธัญพืชที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ
สรรพคุณของข้าวฟ่าง
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- มีใยอาหารสูง ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในลำไส้เล็ก
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
- มีแมกนีเซียมสูง ช่วยควบคุมการทำงานของอินซูลิน
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
- มีเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้เล็ก
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอล LDL
- มีกรดอะมิโนจำเป็นบางชนิดที่มีส่วนช่วยในการลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยให้หัวใจแข็งแรง
- ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
- มีเส้นใยสูง ช่วยขับถ่ายกากอาหารออกจากลำไส้ ลดการสัมผัสระหว่างสารก่อมะเร็งและผนังลำไส้
- มีกรดโฟลิก ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- มีแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม สังกะสี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 และวิตามินบี6 ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
- มีใยอาหารสูง ช่วยลดการดูดซึมสารพิษในลำไส้ใหญ่
ข้อควรระวังในการรับประทานข้าวฟ่าง
แม้ว่าข้าวฟ่างจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังในการรับประทานอยู่บ้าง
- ผู้ที่แพ้ธัญพืชไม่ควรรับประทานข้าวฟ่าง
- ผู้ที่มีโรคไตหรือโรคตับไม่ควรรับประทานข้าวฟ่างมากเกินไป
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรรับประทานข้าวฟ่างมากเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพของทารกได้
- ข้าวฟ่างอาจทำให้ท้องอืดได้ในบางคน
- ข้าวฟ่างดิบมีสารพิษที่ชื่อว่า cyanogenic glycosides ซึ่งอาจเป็นพิษต่อสุขภาพได้ ดังนั้นจึงควรรับประทานข้าวฟ่างที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น
สรุป
ข้าวฟ่างเป็นธัญพืชที่มีประโยชน์มากมาย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามก็มีข้อควรระวังในการรับประทานอยู่บ้าง ผู้ที่แพ้ธัญพืชหรือมีโรคประจำตัวบางอย่างควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะรับประทานข้าวฟ่าง
คำหลักที่เกี่ยวข้อง
- ข้าวฟ่าง
- ประโยชน์ของข้าวฟ่าง
- สรรพคุณของข้าวฟ่าง
- ข้อควรระวังในการรับประทานข้าวฟ่าง
- โรคที่ข้าวฟ่างช่วยป้องกัน
บทความให้ข้อมูลดีมากเลยครับ ชัดเจน เข้าใจง่าย ครบถ้วน
อ่านแล้วงงๆ อ่า ไม่ค่อยเข้าใจเลยอ่ะ
ข้าวฟ่างเนี่ยมันสีเหลืองๆ ปะ อันเดียวกับที่ใช้ทำขนมปะ
เหอะๆ ไม่มีอะไรใหม่เลย บทความนี้ห่วยแตก
ข้าวฟ่างมีประโยชน์มากเลยค่ะ ทั้งช่วยลดน้ำหนักแล้วก็บำรุงร่างกายได้ด้วย
โอ้โห ข้าวฟ่างสุดยอดเลย ช่วยรักษาได้สารพัดโรคเชียว
บทความนี้เขียนเข้าใจยากจังเลย อ่านแล้วงงๆ
ข้อมูลในบทความไม่ค่อยตรงกับที่เคยอ่านมาเลย งงละ
บทความดีมากเลยครับ ขออนุญาตเซฟเก็บไว้เลยนะครับ
ข้าวฟ่างเนี่ยมีประโยชน์ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เพิ่งรู้เลยนะเนี่ย
บทความเขียนได้น่าสนใจดีครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ